เมื่อพูดถึง
ประกัน ทุกคนก็คงจะทราบกันดีว่าเป็นตัวเลือกที่ช่วยคุ้มครองเงินในกระเป๋าเมื่อมีภัยต่าง โดยมีด้วยกันหลากหลายประเภท เช่น ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ประกันโรคมะเร็ง ฯลฯ
ด้วยเหตุที่ประเทศไทยมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่ค่อนข้างสูง
ประกันอุบัติเหตุจึงมีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์อันตรายที่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่
โดยเฉพาะ
ประกันอุบัติเหตุ ที่มีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่ค่อนข้างสูง จึงต้องเตรียมการรับมือกับเหตุการณ์อันตรายที่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่
แต่ประกันอุบัติเหตุแต่ละเจ้าก็มีวงเงินคุ้มครองแตกต่างกันออกไป ต้องเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะกับเราล่ะ ...ก่อนที่เราจะเลือกวงเงินคุ้มครอง มาดูกันก่อนดีกว่าว่าจริงๆแล้วประกันอุบัติเหตุเนี่ย มันมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
ทำไมประกันอุบัติเหตุถึงต้องมีวงเงินคุ้มครอง
หลายๆ คนก็คงทราบกันดีว่าในการทำประกันอุบัติเหตุจะมีวงเงินคุ้มครองสูงสุดที่ทางบริษัทประกันภัยสามารถจ่ายได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน โดยเงื่อนไขต่างๆ จะถูกระบุไว้ในกรมธรรม์อย่างชัดเจน
แต่สงสัยกันไหมว่า ...ทำไมประกันอุบัติเหตุถึงต้องมีจำกัดวงเงินคุ้มครองด้วยล่ะ แล้วทำไมแต่ละบริษัท แต่ละแผนการประกันถึงมีวงเงินไม่เท่ากัน?
สาเหตุที่วงเงินเงินคุ้มครองมีความแตกต่างกันเป็นเพราะว่า... ความต้องการที่หลากหลายในการทำประกันภัยมีมากจนเกินไป อย่างเช่น ผู้มีรายได้น้อยแต่อยากมีประกันอุบัติเหตุเอาไว้เพื่อความอุ่นใจ แต่รายได้มีไม่มากพอที่จะจ่ายค่าเบี้ยประกัน
เพราะฉะนั้น ทำให้ต้องมีการออกประกันรูปแบบต่างๆ มาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ต้องการทำประกันได้อย่างครบถ้วนและทั่วถึง ซึ่งวงเงินคุ้มครองนี้จะมีตั้งแค่ค่ารักษาพยาบาลหลักร้อยบาท ไปจนถึงเงินชดเชยหากเสียชีวิตหลักล้านเลยทีเดียว
ประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองอะไรบ้าง
จบเรื่องวงเงินคุ้มครองไปแล้ว ทีนี้สงสัยกันอีกหรือเปล่าว่าประกันอุบัติเหตุนี่มันคุ้มครองอะไรบ้างนะ?
หน้าที่ของประกันประเภทนี้ก็คือ รองรับความเสี่ยงในเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลยามเกิดอุบัติเหตุ มิฉะนั้นคุณอาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมหาศาลจากค่ารักษาพยาบาลเหล่านี้ ...ช่วยต่อชีวิตแถมคุ้มครองทรัพย์สินของเราอีกด้วย
บางกรมธรรม์ก็มีการคุ้มครองเป็นเงินชดเชยรายวันขณะที่คุณทำการรักษาแล้วออกไปทำงานหาเงินไม่ได้ด้วย
โดยสิ่งที่ประกันอุบัติเหตุให้ความคุ้มครองหลักๆ มีดังนี้
- ค่ารักษาพยาบาลเมื่อประสบอุบัติเหตุ
- เงินชดเชยจากกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ
- เงินชดเชยกรณีทุพพลภาพโดยชั่วคราว หรือถาวร
- เงินชดเชยขณะพักฟื้นรักษาตัว
โดยแต่ละบริษัทอาจจะมีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
หลักการในการทำประกันอุบัติเหตุ
แม้จะคุ้มครองได้ครอบคลุม แต่ประกันอุบัติเหตุก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้างตามบริษัท ทั้งอัตราการจ่ายเบี้ยประกัน หลักเกณฑ์ของผู้เอาประกัน รวมถึงวงเงินที่ทางบริษัทจะจ่ายให้คุณได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
มาดูกันว่าหลักการในการทำประกันอุบัติเหตุนั้นต้องดูที่อะไร และควรเลือแบบไหนให้เหมาะกับคุณที่สุด
1. อายุ
แม้ปัจจุบันประกันจะมีการเปิดโอกาสให้เราสามารถทำประกันได้ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ หรือทำให้ลูกหลานได้ แต่ยังมีบางกรมธรรม์ที่จำกัดอายุผู้เอาประกันอยู่ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะอยู่ที่อายุ 15 - 60 ปี
ดังนั้นก่อนจะซื้อก็ตรวจสอบกรมธรรม์กันให้ดีล่ะครับ
แต่ไม่ใช่ว่าเราจำเป็นต้องรอให้แก่มากแล้วถึงจะต้องทำประกันนะครับ โดยเฉพาะประกันอุบัติเหตุ สามารถทำได้ทันทีเมื่อมีเงื่อนไขครบตามกรมธรรม์ เพื่อการรองรับความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดฝัน
2. อาชีพ
อาชีพ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักสำหรับการเลือกประกันอุบัติเหตุเสมอมา โดยทางบริษัทประกันจะมีการแบ่งอาชีพออกเป็น 4 ขั้นตามความเสี่ยง ดังนี้
อาชีพขั้นที่ 1: ได้แก่ กลุ่มอาชีพที่ทำงานประจำในสำนักงาน หรือพื้นเป็นหลัก เช่นพนักงานบริษัท ผู้บริหาร นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าแม่ค้าที่ทำงานประจำหน้าร้าน
อาชีพขั้นที่ 2: ได้แก่ กลุ่มอาชีพที่มีการทำงานกลางแจ้ง เช่น ช่างฝีมือ วิศวกร สถาปนิก หรือกลุ่มคนที่เน้นการควบคุมดูแลงาน เช่น หัวหน้าคุมงานต่างๆ
อาชีพขั้นที่ 3: ได้แก่ กลุ่มอาชีพด้านช่าง เช่นช่างยนต์ ช่างไม้ ผู้ที่ต้องทำงานกับเครื่องจักรกลหนัก รวมถึงผู้ใช้แรงงาน
อาชีพขั้นที่ 4: ได้แก่ กลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เช่นช่างไฟฟ้า นักแสดงผาดโผน หรือสตันท์แมน
สาเหตุที่ต้องมีการแบ่งเช่นนี้เพราะความเสี่ยงรูปแบบต่างๆนั้นจะเกี่ยวข้องกับวงเงินคุ้มครองโดยตรง โดยเฉพาะอาชีพขั้นที่ 3 และ 4 จะมีโอกาสเสี่ยงอุบัติเหตุสูง ดังนั้น ผู้ที่ประกอบอาชีพเหล่านี้จะมีเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายสูงกว่าอาชีพอื่นๆ
3. การใช้ชีวิต
แม้อาชีพจะไม่เสี่ยง ...แต่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอาจจะตรงกันข้าม ดังนั้นในการเลือกประกันภัยต้องดูว่านิสัยกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันของตัวเองหรือคนที่จะซื้อประกันให้เป็นแบบไหน
หากคุณเป็นคนที่อยู่แบบเรื่อยๆ สบายๆ วันหยุดเน้นนั่งอยู่บ้านเพื่อผ่อนคลาย ปลูกต้นไม้ ดูทีวี ไลฟ์สไตล์เรื่อยๆ สบายๆ แบบนี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้ประกันอุบัติเหตุที่มีวงเงินคุ้มครองสูงมากนักครับ เพราะไม่ได้ทำอะไรเสี่ยงๆ
กลับกัน หากการใช้ชีวิตคุณมีความเสี่ยง เช่น ต้องขับขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานระยะไกลทุกวัน ชอบไปเที่ยวป่า เที่ยวเขา ลุยๆ แบบนี้อาจจะต้องใช้ประกันที่มีวงเงินสูงหน่อย เพื่อความอุ่นใจของทุกๆ ด้านนะครับ
4. รายได้
ขึ้นชื่อว่าการทำประกัน ถ้าจะไม่ให้พูดถึงเรื่องเงินคงเป็นไปไม่ได้ ...หากคนส่วนใหญ่มีไลฟ์สไตล์ หรือความเสี่ยงในอุบัติเหตุไล่เลี่ยกัน สิ่งที่จะเป็นตัวแปรในการเลือกประกันอย่างสุดท้ายคือรายรับรายจ่าย
เหตุเพราะประกันภัยคือหนึ่งในการบริหารเงิน และการฝึกวินัยทางการเงิน ดังนั้นคงไม่ดีนักหากเรามีการทำประกันภัยที่สวนทางกับรายรับของเรา ไม่ว่าจะเป็นประกันในวงเงินที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปก็ตาม
ทำไมวงเงินน้อยเกินไปถึงจะมีปัญหา? อย่างที่เรากล่าวไว้ข้างต้น ว่าสิ่งไม่คาดฝันย่อมเกิดได้ตลอด และมันจะดีกว่าหรือไม่หากเรามีทุนทรัพย์แล้วทำการลงทุนความปลอดภัยกับประกันอุบัติเหตุ เพื่อเป็นการป้องกันและกระจายความเสี่ยงล่วงหน้าไปในตัว
หากคุณรู้ตัวเองดีว่าการบริหารการเงินของคุณเริ่มมีปัญหา เงินติดล้อขอแนะนำบทความ
เทคนิคการวางแผนการเงินเพื่อต่อยอดคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เพื่อการจัดแจงรายรับรายจ่ายต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินของคุณกันนะครับ
เลือกวงเงินคุ้มครองเท่าไหร่ดี
จากหลักการที่ได้กล่าวมาทั้งหมดแล้ว สรุปแล้วเราต้องเลือกวงเงินคุ้มครองเท่าไหร่ถึงจะดีล่ะ ...วิธีการเลือกวงเงินคุ้มครองของประกันอุบัติเหตุนั้น นอกจากจะดูเรื่องของ อายุ อาชีพ การใช้ชีวิต และรายได้แล้วนอกเหนือไปจากนั้นจะมีสิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมอีก 2 เรื่องก็คือ เรื่องของคนที่อยู่ด้านหลัง และค่ารักษาเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
เรื่องของคนที่อยู่ด้านหลัง หมายถึง หากว่าเราจากไปหรือพิการไม่สามารถที่จะประกอบอาชีพได้ตามปกติแล้วคนที่อยู่ด้านหลังเราจะลำบากหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เป็นกำลังหลักของครอบครัว วิธีการคิดทุนประกันสามารถที่จะคิดได้ตามสูตรนี้
จำนวนวงเงินคุ้มครองที่เหมาะสม = (ค่าใช้จ่ายต่อปี x จำนวนปีที่ต้องการดูแล) + หนี้สิน
เช่น นาย ก. อายุ 45 ปี ครอบครัวมีรายจ่ายเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 8,000 บาท ปัจจุบันลูกอายุ 15 ปี ต้องการให้เงินครอบคลุมถึงวันที่ลูกเรียนจบปริญญาตรีที่อายุ 22 ปี (ต้องดูแล 7 ปี) ไม่มีหนี้สิน
((8,000 x 12) x 7) + 0 = 672,000 บาท
นาย ก. จึงควรมีวงเงินคุ้มครองราว 672,000 บาท
ค่ารักษาเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หมายถึง หากเกิดอุบัติเหตุแล้วเราต้องจ่ายเงินเท่าไหร่เพื่อให้คุ้มครองค่ารักษานั้น ในการเลือกประกันอุบัติเหตุนั้นให้เราคิดในกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยมีวิธีการคิดดังนี้
วงเงินคุ้มครองของค่ารักษาเมื่อเกิดอุบัติเหตุ = ค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
เช่น หากประสบอุบัติเหตุรถชน มีค่ารักษาโดยประมาณ 4 แสนบาทต่อครั้ง ก็ควรเลือกวงเงินที่มากกว่า 4 แสนบาทเพื่อให้คุ้มครองค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ซึ่งในส่วนของค่ารักษาเมื่อเกิดอุบัติเหตุนี้มีความหลากหลายสูง เพราะบางประกันอุบัติเหตุอาจจะมีแยกย่อยวงเงินความคุ้มครองออกเป็น หลายส่วน เช่น ค่าชดเชยรายได้ หรือค่าปลงศพ เป็นต้น ที่จะต้องพิจารณาและเปรียบเทียบเพิ่มเติม
สำหรับผลิตภัณฑ์ประกัน ทางเงินติดล้อเองก็มีให้เลือกหลากหลายและครอบคลุม ตั้งแต่ประกันแบบซุปเปอร์คุ้ม 365 ที่จ่ายเบี้ยประกันเพียงวันละ 1 บาท แต่วงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 300,000 บาท ไปจนถึงประกันซุปเปอร์คุ้ม 1,299 ที่คุ้มครองสูงสุดถึง 400,000 บาท หากสนใจสามารถสอบถามได้ที่เงินติดล้อทุกสาขาใกล้บ้าน หรือดูรายละเอียดที่
ประกันอุบัติเหตุเงินติดล้อได้เลยครับ!